บทพิสูจน์ใจที่ชายแดนไทยลาวพม่า ณ ไตรกีฬาสามเหลี่ยมทองคำ ทวิกีฬาแรกของ Smurf Rider อย่างฉัน

คืนก่อนแข่งเป็นอะไรที่นอนไม่หลับ หลังจากเตรียมถุงเสบียงและอุปกรณ์ Transition เราสองคนเหยียดยืดกล้ามเนื้อกันในห้องพัก เพื่อนคนเก่งของเราเป็นนักวิ่งดีกรีถ้วยพระราชทาน และกับกีฬาจักรยานที่เราปั่นได้ดีพอๆกัน เป้าหมายของเราสองจึงต่างกัน คนหนึ่งกำลังเดินเข้าสู่โลกของคนเหล็กอย่างภาคภูมิ ส่วนอีกคนเพิ่งฟื้นจากสภาพซังกะตายได้สิบวัน แต่มีพลังใจล้วนๆ ที่อยากจะเปลี่ยนชีวิตตัวเองให้สดใสมีชีวิตชีวาอีกครั้ง!

เราย้อนกลับไปนึกสั้นๆ ถึงวันใจง่ายที่ตัดสินใจมางานไตรกีฬา 3 เหลี่ยมทองคำ ทั้งๆ ที่มิได้ฝึกซ้อมอย่างเพียงพอมาก่อน มีแต่ใจล้วนๆ ที่อยากจะหาความท้าทายใหม่ จุดประกายความฝัน และพิสูจน์ใจเราเองว่ามันได้ฟื้นขึ้นใหม่แล้ว คงมีความรู้สึกตัดสินใจพลาดบางอย่างที่ไม่ลงแข่งขันในรุ่นไตรกีฬา เพราะยังกลัวความเชี่ยวกรากของแม่น้ำโขง และสภาพความหนาวเย็นของน้ำ จึงต้องไปท้าทายกับกลุ่มนักวิ่งในทวิกีฬา วิ่งปั่นวิ่ง สเตจละ 4-53-12 กิโลเมตร ตามลำดับแทน ซึ่งแน่นอนว่า เรารู้ตัวว่าไม่มีทางวิ่งได้เร็วเท่าใครในงานนี้เลย

นักกีฬามากมายที่ได้พบปะในบ่ายวันนั้น ทั้งนักไตรกีฬามืออาชีพ มือสมัครเล่น ทั้งนักวิ่งดีกรีถ้วยพระราชทานทั้งหลาย ทั้งคนไทยและต่างชาติ รวมถึงนักกีฬาดาราพิธีกรชื่อดังที่มีกล้องและไมโครโฟนตามติดรายล้อมซึ่งดูเกะกะไปทุกที่ ก็มิได้สร้างความลำบากใจอันใด เพราะเราไม่คิดจะแข่งกับใครเลย มันไม่มีทางที่เราไปแข่งกับเขาได้ ต้องแข่งกับขีดจำกัดเดิมของตัวเองเท่านั้น นั่นคือ การแข่งกับใจตัวเอง ให้ใจบังคับร่างกายเราเอง
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่